วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

Routing Protocol

Routing Protocol

คือโพรโทคอลที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน routing table ระหว่างอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆที่ทำงานในระดับNetwork Layer (Layer 3) เช่น Router เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งข้อมูล (IP packet) ไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทางได้อย่างถูกต้อง โดยที่ผู้ดูแลเครือข่ายไม่ต้องแก้ไขข้อมูล routing table ของอุปกรณ์ต่างๆตลอดเวลา เรียกว่าการทำงานของ Routing Protocol ทำให้เกิดการใช้งาน dynamic routing ต่อระบบเครือข่าย

การทำงานของ Router
Router เป็นอุปกรณ์ที่ถูกนำมาใช้เพื่อการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย (network)
Router หน้าที่หลักของคือ การอ้างอิงไอพีแอดเดรสระหว่างเครื่องลูกข่ายที่อยู่กันคนละเครือข่าย รวมที่ทั้งการเลือกและจัดเส้นทางที่ดีที่สุด เพื่อนำข้อมูลข่าวสาร ในรูปแบบของแพ็กเกจจากเครื่องลูกข่ายต้นทางบนเครือข่ายที่ตนดูแลอยู่ไปยังเครื่องลูกข่ายที่อยู่กันคนละเครือข่าย

การเชื่อมต่อของ Router
การเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายผ่านทาง WAN หรือโครงข่ายสาธารณะ เช่น ISDN หรือ การเช่าคู่สาย 64K ขึ้นไป เราเรียกว่า WAN Router
การเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายชนิดติดตั้งบนแลน เราเรียกว่า Local Router บางครั้งจะถูกเรียกว่า Internal Router

การจัดวางตำแหน่งของ Router
การจัดวาง Router ที่เชื่อมต่อกันบน WAN คือการไหลของข้อมูลข่าวสารแบบ 80/20 %
80% คือ ปริมาณข้อมูลข่าวสารที่จะสื่อสารกันได้ภายในเครือข่ายเดียวกัน
20% คือ ปริมาณของข้อมูลข่าวสารที่จะข้ามไปมาระหว่างเครือข่ายได้
ในกรณีที่มีเครือข่าย หลายเครือข่ายติดตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และต้องการเชื่อมต่อเพื่อสื่อสารระหว่างกัน ท่านจะต้องพิจารณาใช้ Switching Hub แบบ Layer 3 หรือ พิจารณาเพื่อติดตั้ง Router ในรูปแบบของเซิร์ฟเวอร์นั่นคือการติดตั้งการ์ดแลนหลายชุดบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์นั่นเอง
ระยะทางการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย
การเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย ไม่เกิน 200 เมตร ท่านควรใช้ Router ที่ทำจาก Server เนื่องจากว่าราคาถูก อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อกันได้ โดยใช้สาย UTP

อัตราความเร็วที่ต้องการ
อัตราความเร็ว หมายถึง ความเร็วของการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายในระดับของข้อมูลข่าวสาร โดยคิดอัตราเมกกะบิตต่อวินาที หรือที่เรียกว่าค่า Throughput
ถ้าปริมาณข้อมูลข่าวสารมีขนาดเล็กหรือปานกลางวิ่งที่ความเร็วไม่เกิน 100 Mbps และมีราคาถูก ท่านควรเลือกใช้ Router ที่ทำจากเซิร์ฟเวอร์
ถ้าข้อมูลข่าวสารวิ่งข้ามไปมาระหว่างเครือข่ายมีมาก (มากในระดับ 80% ขึ้นไป) เลือกใช้ความเร็วระดับ Gigabit โดยติดตั้งการ์ดแลนทั้งสองบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ และเชื่อมต่อเข้ากับ Switches Hub ที่ติดตั้ง Gigabit Modules ทั้ง 2 ด้านบนเครือข่าย

การเชื่อมต่อเครือข่ายมากกว่า 2 เครือข่าย
การเชื่อมต่อเครือข่ายมากกว่า 2 เครือข่ายขึ้นไป ควรเลือกใช้ Layer 3 Switching Hub แทน เนื่องจากอัตราความเร็ว รวมทั้งปริมาณของข้อมูลข่าวสารที่ข้ามไปมาหลายเครือข่ายสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ประเภทของสื่อสัญญาณที่ใช้
สื่อสัญญาณที่ใช้เป็นตัวบ่งบอกถึงข้อจำกัดของการเชื่อมต่อเครือข่าย
ใช้ Router ที่ทำจากเซิร์ฟเวอร์และใช้การ์ดแลนแบบ 100Base-FX ซึ่งใช้สาย Fiber Optic แบบ 2 Core (2 Strand) ขนาด 62.5/125 ความยาวคลื่นขนาด 850 nm ท่านสามารถเชื่อมต่อได้ระยะทาง 412 เมตร ต่อ 1 ด้าน
Layer 3 Switches Hub และเป็นระบบ 100Base-FX มีระยะทางการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายที่ต่างก็ใช้ Switching Hub มาเชื่อมต่อกับเครือข่าย ได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร แต่ถ้าใช้ระบบ 1000Base-FX เชื่อมต่อกับเครือข่าย ได้ไกลถึง 6-10 กิโลเมตร

ปริมาณและขนาดความซับซ้อนของเครือข่าย
Router ที่ทำจาก Server เหมาะสำหรับ ปริมาณของข้อมูลข่าวสารที่วิ่งข้ามไปมาระหว่างเครือข่าย จะต้องมีไม่เกิน 20% เท่านั้น โดยที่การสื่อสารที่เกิดขึ้น 80% เป็นของภายในเครือข่าย
Router ที่ทำจาก Switches แบบ Layer 3 เหมาะสำหรับ การสื่อสารข้อมูลที่วิ่งข้ามไปมาระหว่างเครือข่าย 80% อีก 20% เป็นการสื่อสารภายใน

Layer 3 Switches
Router ที่ทำงานบน WAN ตัว Layer 3 Switches Hub ให้การสนับสนุนโปรโตคอลเลือกเส้นทาง มากมายหลายแบบ
ให้การสนับสนุนโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบ RIP Version 1,2 รวมทั้ง OSPF (Open Short Path First)
เหมาะสำหรับเครือข่ายขนาดใหญ่ ที่มีเครือข่ายมาก กระจายไปตามจุดหรืออาคารต่างๆขององค์กร
มีลักษณะการเชื่อมต่อแบบ Collapse back Bone

Routing Protocol : โปรโตคอลเลือกเส้นทาง
หัวใจหลักของ Router คือการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด
โปรโตคอลเลือกเส้นทาง ในการคำนวณและจัดหาเส้นทาง ที่ดีที่สุด ที่เร็วที่สุด ไปสู่ปลายทางในรูปแบบของ Software
โปรโตคอลเลือกเส้นทาง แบ่งออกเป็นระดับชั้น (Class) ใหญ่ ได้ 2 แบบ ดังนี้
ระดับขั้น Interior Domain
- Distance Vector ซึ่งเป็น Routing Protocol ที่อาศัยหลักเกณฑ์ในเรื่องระยะทางเป็นตัวกำหนด
- Link State ซึ่งอาศัยสถานะ การเชื่อมต่อเป็นตัวกำหนด
ระดับขั้น Exterior
- เป็น โปรโตคอลเลือกเส้นทาง ที่นำมาใช้เพื่อเชื่อมกลุ่มของ Router จำนวนมากหลายๆกลุ่มเข้าด้วยกัน ได้แก่ BGP

Routing Information Protocol (RIP)
เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางประเภท Distance Vector ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้กับเครือข่ายขนาด เล็กไปจนถึงขนาดกลาง
เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางมาตรฐานที่ไม่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรายใด
มี RIP Version 1 ที่ได้รับมาตรฐาน RFC 1058
เป็นโปรโตคอลที่เรียบง่าย อีกทั้งยังง่ายต่อการจัดตั้ง

คุณลักษณะการทำงานของ RIP
RIP อาศัย ค่าของจำนวน Hop เป็นหลัก เพื่อการเลือกเส้นทาง โดยจำกัดที่ไม่เกิน 15 Hop
RIP จะส่งข่าวสารเกี่ยวกับการปรับปรุงเส้นทางออกไปทุก 30 วินาที
การส่งข่าวสารเกี่ยวกับการปรับปรุงตารางเส้นทาง เป็นการส่งออกไปทั้งหมดของตารางทั้งที่เป็นของเก่าและของใหม่
การส่งข่าวสารเกี่ยวกับการปรับปรุงเส้นทาง จะเกิดขึ้นกับ Router ที่เชื่อมต่อกันโดยตรงเท่านั้น

การทำงานขั้นพื้นฐานของ RIP Version 1
มีการ Boot Router ขึ้น เส้นทางที่ Router จะต้องให้ความสนใจเป็นลำดับแรกได้แก่ เส้นทางที่เชื่อมต่อกับ เครือข่ายปลายทางโดยตรง
ทำการ แพร่กระจายข่าวสารเกี่ยวกับเครือข่ายที่มันรู้จักไปทั่วเครือข่ายทุกเครือข่าย ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรง
RIP จะรับฟังการแพร่ข่าวสาร โดยข่าวสารที่ใช้แพร่กระจายไปทั่ว (Broadcast) นี้ เป็นข่าวสารเพื่อการปรับปรุงเส้นทาง
การรับฟังการแพร่ข่าวสารไปทั่วของ Router เพื่อนบ้าน จะทำให้ Router ที่กำลังรับฟังอยู่ สามารถล่วงรู้เส้นทาง ไปสู่เครือข่าย อื่นๆ ที่ตนเองไม่รู้มาก่อน
RIP ใช้ค่า Metric ประเภท Hop โดยอาศัยค่าที่แสดงจำนวน Hop เป็นหลักเกณฑ์ จำนวนของ Hop ที่ Router นับได้ต้องไม่เกิน 15 Router ตลอดเส้นทางที่จะเดินทางผ่าน
Router ที่เชื่อมต่อระหว่างกัน จะถือว่า ต่างก็เป็น Hop หนึ่งในตารางเส้นทางของตนเอง


การใช้ค่า Metric ของ RIP
จำนวนของ Hop ที่ใช้เดินทางไปสู่ปลายทาง หมายถึง จำนวนของ Router ที่ Packet จะต้องเดินทางผ่าน ไปสู่เครือข่ายปลายทาง
เส้นทางเดินที่ดีที่สุด ไม่ได้หมายความว่า Router จะได้เส้นทางที่ดีที่สุด เสมอไป
ตัวอย่าง เช่น เพื่อให้ Router A เดินทางไปสู่ Router B ตัว RIP จะเลือกเส้นทางการเชื่อมต่อความเร็ว 56K แทนที่จะเลือก เส้นทางความเร็วสูงกว่า อย่างเช่น 1.5 Mbps เนื่องจากว่า Router A เห็นว่า การเดินทางไปสู่ B โดยผ่าน Router C เป็นการใช้ 2 Hop โดยไม่สนใจว่า การเดินทางอ้อมผ่านทาง Router C จะมีความรวดเร็วกว่า

การเกิดปัญหา Routing Loop
Triggered Update หมายถึงการปรับปรุงตารางเส้นทางทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึงคิวหรือถึงเวลาการปรับปรุงเสียก่อน)
การเกิดปัญหา Routing Loop
RIP คือการที่ Router ไม่สามารถมองเห็นหรือเข้าใจภาพรวมของเครือข่ายทั้งหมด
เป็นเรื่องของ Packet ที่วิ่งกลับไปกลับมาระหว่าง Router 2 ตัวหรือมากกว่า โดยไม่สามารถหลุดออกไปจากวงจรสะท้อนกลับไปกลับมานี้ได้ บางครั้งฝรั่งเรียกลักษณะนี้ว่า Count to Infinity

URL


Routing Protocol - วิกิพีเดีย
Routing Protocol คือโพรโทคอลที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน routing table ระหว่างอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆที่ทำงานในระดับ Network Layer (Layer 3) เช่น Router ...
th.wikipedia.org/wiki/Routing_Protocol - แคช - ใกล้เคียง

PPT] Routing Protocal
รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - ดูในรูปแบบ HTML
BGP (Border Gateway Protocol) เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางประเภท Exterior Gateway Routing ที่ใช้เพื่อการเชื่อมต่อ Router และเครือข่ายที่อยู่ต่างโดเมนDomain ...
wiki.nectec.or.th/.../SompongWankham_Deliverabe?...Routing... - ใกล้เคียง

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

ข้อสอบ 20 ข้อเรื่องเราเตอร์

ข้อสอบ 20 ข้อเรื่องเราเตอร์
1.เราเตอร์จะมองและแบ่งเครือข่ายออกเป็นส่วน ๆ เรียกว่า อะไร
ก. network C
ข. Segment
ค. routing table
ง. static route
ตอบข้อ ข เซกเมนต์ (Segment) พร้อมทั้งกำหนดตัวเลขแอดเดรส (Address) เพื่อให้เป็นตำแหน่งที่อยู่ การกำหนดแอดเดรสของเครือข่ายแต่ละเซกเมนต์และคอมพิวเตอร์แต่ละตัวนั้นจะช่วยให้เราเตอร์

2.การแบ่งประเภทของ routing algorithm ออกเป็นกี่ประเภท
ก.1
ข.3
ค.2
ง.4
ตอบข้อ ค 2 ประเภทคือ interior routing protocol และ exterior routing protocol

3.ลักษณะที่สำคัญของการติดต่อแบบ Distance-vector คือ ในแต่ละ Router จะมีข้อมูล ใดเอาไว้พิจารณาเส้นทางการส่งข้อมูล
ก. routing table
ข. static route
ค. network C
ง. Segment
ตอบข้อ ก routing table เอาไว้พิจารณาเส้นทางการส่งข้อมูล โดยพิจารณาจากระยะทางที่ข้อมูลจะไปถึงปลายทางเป็นหลัก

4.ระยะทางการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย มีไม่เกิน กี่เมตร
ก.500 เมตร
ข.100 เมตร
ค.250 เมตร
ง.200 เมตร
ตอบข้อ ง 200 เมตร ท่านควรใช้ Router ที่ทำจาก Server เนื่องจากว่าราคาถูก อีกทั้งสามารถเชื่อมต่อกันได้ โดยใช้สาย UTP
5.ในกรณีที่ท่านต้องการเชื่อมต่อเครือข่ายมากกว่า 2 เครือข่ายขึ้นไป ท่านควรพิจารณาเลือกใช้ layerใด
ก. Layer 4 Switching Hub
ข. Layer 2 Switching Hub
ค. Layer 3 Switching Hub
ง. Layer 1 Switching Hub
ตอบข้อ ค Layer 3 Switching Hub แทน เนื่องจากอัตราความเร็ว รวมทั้งปริมาณของข้อมูลข่าวสารที่ข้ามไปมาหลายเครือข่ายสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

6.โดยทั่วไปหากวิ่งที่ 100 Mbps แต่ละพอร์ตของ Switches จะสามารถส่งผ่านข้อมูลในรูปแบบของเฟรมได้มากถึงกี่เฟรมต่อวินาที
ก.190,000 เฟรมต่อวินาที
ข.148,000 เฟรมต่อวินาที
ค.145,000 เฟรมต่อวินาที
ง.140,000 เฟรมต่อวินาที
ตอบข้อ ข 148,000 เฟรมต่อวินาที โดยหากเทียบกันกับ Router ที่ทำจากเซิร์ฟเวอร์แล้ว Layer 3 Switching จะเร็วกว่ากันมาก

7.ระบบปฏิบัติการที่ใช้กับเครื่องพีซีทั่วไป โดยระบบปฏิบัติการของ Router เราเรียกว่า
ก. Cisco IOS
ข. Layer
ค. Cisco
ง. Switching
ตอบข้อ ก Cisco IOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่จะทำให้ท่านสามารถ จัดตั้งค่า Configuration รวมทั้งการบริหารจัดการ Router รวมทั้งอุปกรณ์เชื่อมต่อกับ Router ของ Cisco ได้โดยสะดวก

8.ข้อใดเป็นคำสั่งที่ใช้แสดงการจัด Configuration ของระบบ Hardware
ก.show Version
ข. show Memory
ค. show Protocols
ง. show Processes

ตอบข้อ ก show Versionเป็นคำสั่งที่ใช้แสดงการจัด Configuration ของระบบ Hardware เช่น Version ของ Software ที่ใช้ใน Router ชื่อของ Configuration File อันเป็นต้นฉบับ รวมทั้ง Boot Images

9.เครือข่ายหนึ่งที่ใช้สายส่งข้อมูลแบบ coaxial cable ได้ Router มีการทำงานในระดับชั้นที่เท่าใด
ก.2
ข.3
ค.4
ง.5
ตอบข้อ ข ระดับชั้นที่ 3 ของ OSI คือ Network Layer และสามารถรับส่งข้อมูลที่เป็นกลุ่มข้อมูลหรือ Frame จากต้นทางไปยังปลายทางได้

10. คำสั่งที่ใช้เคลียร์ หน้าที่การทำงานต่างๆออกทั้งหมดคือ
ก. Connect
ข. Clock
ค. Clear
ง. Configure
ตอบข้อ ค Clear

11.หมายเลข IP address ที่มีให้ใช้งานใกล้จะหมด เนื่องจาก IPv4 มีขนาด กี่บิต
ก. 30 บิต
ข. 32 บิต
ค. 33 บิต
ง. 34 บิต
ตอบข้อ ข 32 บิต ทำให้สามารถกำหนดค่า IP address ได้ไม่เพียงพอสำหรับอนาคต ทำให้ไม่สามารถขยายเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้อีกต่อไป

12.ในการติดต่อโดยโปรโตคอล IPv6 สามารถกำหนดลักษณะการทำงานได้กี่แบบ
ก.2
ข.5
ค.3
ง.7
ตอบข้อ ค 3 แบบ คือ unicast, multicast และ ancycast

13. คำสั่งใดใช้เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อ
ก. Ping
ข. rlogin
ค. mtrace
ง. resume
ตอบข้อ ก Ping

14. อุปกรณ์ Router มีหน้าที่ทำอะไร
ก.ส่งข้อมูล
ข.รับข้อมูล
ค.เชื่อมโยงเครือข่ายที่ห่างไกลกันเข้าด้วยกัน
ง.จัดเก็บข้อมูล
ตอบข้อ ค เชื่อมโยงเครือข่ายที่ห่างไกลกันเข้าด้วยกัน ไม่ว่าเครือข่ายนั้นจะต่างหรือเหมือนกันในด้านกายภาพก็ตาม

15.หมายเลข IP address ทุกค่าจะมีรูปแบบที่เขียนให้เข้าใจเหมือนกันคือ เป็นตัวเลขกี่ชุด
ก.2 ชุด
ข.3 ชุด
ค.6 ชุด
ง.4 ชุด
ตอบข้อ ง 4 ชุดคั่นด้วยจุด เพื่อให้อ่านและจกจำได้ง่าย IP address มีขนาด 32 บิต เช่น 204.283.255.20 เป็นต้น

16.เครือข่ายที่มีหมายเลขไอพีแอดเดรส 192.168.30.0 ออกเป็นเครือข่ายย่อยๆ (Subnet) จำนวน กี่เครือข่าย
ก.5 เครือข่าย
ข.6 เครือข่าย
ค.7 เครือข่าย
ง.8 เครือข่าย
ตอบข้อ ข 6 เครือข่าย จากนั้นนำมาเชื่อมต่อกัน เพื่อการสื่อสารกันด้วย Router


17.ปริมาณข้อมูลข่าวสารมีขนาดเล็กหรือปานกลางวิ่งที่ความเร็วไม่เกินกี่ mbps
ก.100 mbps
ข.150 mbps
ค.300 mbps
ง.200 mbps
ตอบข้อ ก 100 Mbps และมีราคาถูก ท่านควรเลือกใช้ Router ที่ทำจากเซิร์ฟเวอร์เช่นกัน

18.ระยะทางการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายที่ต่างก็ใช้ Switching Hub มาเชื่อมต่อกับเครือข่าย ได้ไกลกี่กิโลเมตร
ก.4 กิโลเมตร
ข.3 กิโลเมตร
ค.2 กิโลเมตร
ง.1 กิโลเมตร
ตอบข้อ ค 2 กิโลเมตร (หากกำหนดให้ Switches ทั้งหมดทำงานเป็น Full Duplex)

19.รูปแบบการเชื่อมต่อแบบนี้ท่านไม่จำเป็นต้องใช้โปรโตคอลเลือกเส้นทาง (Routing Protocol) แต่ท่านสามารถใช้ วิธีการ Routing แบบ ที่เรียกว่าว่าอะไร
ก. Static
ข. Hybrid
ค. Spoke
ง. Hub
ตอบข้อ ก Static แทน ซึ่งวิธีนี้ มีประสิทธิภาพดีกว่าการใช้โปรโตคอลเลือกเส้นทาง อีกทั้ง Router ที่ใช้มีขนาดเล็ก ราคาถูก ติดตั้งง่าย

20.การเชื่อมต่อแบบ Mesh สามารถมีได้กี่รูปแบบ
ก. 3 รูปแบบ
ข. 2 รูปแบบ
ค. 4 รูปแบบ
ง. 5 รูปแบบ
ตอบข้อ ข 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบ Partial หรือ Semi Mesh และแบบ Full Mesh

ข้อสอบ 60 ข้อ

แบบทดสอบระบบการสื่อสารข้อมูล 60 ข้อRouter

1.ข้อใดคือ 11001010.00011101.00111001.00000010
ก.202.50.5.3
ข.202.53.3.2
ค.202.29.57.2
ง.202.29.5.2
เฉลย ง. มาจาก 128+64+8+2.16+8+4+1.32+16+8+1.2 จะได้ = 202.29.5.2

2.ข้อใดคือ 01111101.00011000.10011011.01000010
ก.125.20.155.66
ข.125.24.155.66
ค.125.50.15.66
ง.120.25.55.58
เฉลย ข มาจาก 64+32+16+8+4+1.16+8.128+16+8+2+1. 128+2=125.24.155.66

3.42.58.5.29 คือ IP Class อะไร
ก.A
ข.B
ค.C
ง.D
เฉลย A เพราะ IP Class A เริ่มที่ 0-126 หรือ 127

4. IP Class A รองรับได้กี่ hosts
ก.2^24hosts
ข.2^16 hosts
ค.2^14 hosts
ง.2^8 hosts
เฉลย ก จากNetwork mask Class A = 255.0.0.0= 255.00000000.00000000.00000000 หา hostsโดยนำเอา 0 ที่เหลือมายกกำลังจะได้ ด้วยเลขฐาน2=2^24

5. .IP Private Class C รองรับได้กี่ hosts
ก.2^10 hosts
ข.2^16 hosts
ค.2^14 hosts
ง.2^8 hosts
เฉลย ง จากNetwork mask Class C = 255.255.255.0= 255.255.255.00000000 หา hostsโดยนำเอา 0 ที่เหลือมายกกำลังจะได้ ด้วยเลขฐาน2=2^8

6.คลาสของ Network ข้อใดคือ Class A
ก.N.N.N.H
ข.N.H.H.H
ค.N.H.N.H
ง.H.H.H.N
เฉลย ข เพราะ Network mask Class A = 255.0.0.0 = 255 คือหมายเลข Subnet markแทนด้วยN 0 คือ hostsแทนด้วย H

7.คลาสของ Network ข้อใดคือ Class C
ก.N.N.N.H
ข.N.H.H.H
ค.N.H.N.H
ง.H.H.H.N
เฉลย ก Network mask Class C = 255.255.255.0 = 255 คือหมายเลข Subnet markแทนด้วยN 0 คือ hostsแทนด้วย H

8. Private IP Addresses Class B คือ
ก.192.168.0.0 through 192.168.255.255
ข.172.16.0.0 through 172.16.255.255
ค.10.0.0.0 through 10.255.255.255
ง.172.16.0.0 through 173.31.255.255
เฉลย ค 10.0.0.0 through 10.255.255.255


9. Broadcast Address Class C คือ
ก.192.168.0.0 through 192.168.255.255
ข.172.16.0.0 through 172.16.255.255
ค.10.0.0.0 through 10.255.255.255
ง.172.16.0.0 hrough 173.31.255.255
เฉลย ง 172.16.0.0 through 173.31.255.255

10. ข้อใดคือ Private IP Address
ก.12.0.0.1
ข.172.20.14.36
ค.168.172.19.39
ง.172.33.194.30
เฉลย ข 172.20.14.36

11. Subnet mask ของ / 17 คือ
ก.255.255.128.0
ข.255.248.0.0
ค.255.255.192.0
ง.255.255.248.0
เฉลย ก 255.255.128.0
จาก Subnet mask ของ / 17 คือ 11111111.11111111.10000000.00000000

12. Subnet mask ของ / 25 คือ
ก.255.255.128.0
ข.255.255.255.128
ค.255.255.255.0
ง.255.255.255.240
เฉลย ข 255.255.255.128
จาก Subnet mask ของ / 25 คือ 11111111.11111111.11111111.10000000

13. Subnet mask ของ / 20 คือ
ก.255.255.240.0
ข.255.240.0.0
ค.255.255.255.240
ง.255.192.0.0
เฉลย ก.255.255.240.0
จาก Subnet mask ของ / 20 คือ 11111111.11111111.11110000.00000000

14. Network maskของ Class B คือ
ก.255.0.0.0
ข.255.255.0.0
ค.255. 255.255.0
ง.ถูกเฉพาะข้อ ข
เฉลย ข. 255.255.0.0
จาก Network maskของ Class B คือ 11111111.11111111.00000000.00000000

15. Network maskของ Class C คือ
ก.255.0.0.0
ข.255.255.0.0
ค.255. 255.255.0
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ค 255. 255.255.0
จาก Network maskของ Class C คือ 11111111.11111111.11111111.00000000

16.สัญลักษณ์ของการ mask คือ
ก. #
ข.\
ค..
ง. /
เฉลย ง /


17.CIDR คือ
ก. การจัดสรร Subnet แบบไม่แบ่งคลาส
ข.การจัดสรร IP แบบไม่แบ่งคลาส
ค.การหาเส้นทางแบบไม่แบ่งคลาส
ง.การจับรอดแคแบบสัญญาณข้อมูลแบบไม่แบ่งคลาส
เฉลย ก. การจัดสรร Subnet แบบไม่แบ่งคลาส

18.การแบ่ง subnetแบบ mask 3bit ของ Class C มี CIDR เท่ากับ
ก./21
ข./25
ค./27
ง./29
เฉลย ค/27
จาก การแบ่ง subnetแบบ mask 3bit ของ Class C มี CIDR เท่ากับ 11111111.11111111.11111111.11100000

19.การแบ่ง subnetแบบ mask 5bit ของ Class B มี CIDR เท่ากับ
ก./15
ข./17
ค./19
ง./21
เฉลย ง /21
จาก การแบ่ง subnetแบบ mask 5bit ของ Class B มี CIDR เท่ากับ
11111111.11111111.11111000.00000000

20.การแบ่ง subnetแบบ mask 8bit ของ Class B มี CIDR เท่ากับ
ก./16
ข./20
ค./24
ง./27
เฉลย ค/24 จาก การแบ่ง subnetแบบ mask 8bit ของ Class B มี CIDR เท่ากับ11111111.11111111.11111111.00000000

21.การแบ่ง subnetแบบ mask 5 bit ของ Class A มี CIDR เท่ากับ
ก./13
ข./21
ค./30
ง.ผิดทุกข้อ
เฉลย ก คือ Class A =11111111.11111000.00000000.00000000 1 bits = 13 ตัว

22. จำนวน Host ของการ mask 4 bit ของ Class C เท่ากับเท่าใด
ก. 2024 Hosts
ข. 254 Hosts
ค.18 Hosts
ง. 14 Hosts
เฉลย ง การ Mask 4 bit ของ Class C = 11111111.11111111.11111111.11110000 นำเอา 0 ที่เหลือมายกกำลังจะได้ ด้วยเลขฐาน2 = 2^4-2 = 14 Host และรองรับได้ไม่เกิน 14 Host

23.จำนวน Host ของการ mask 5 bit ของ Class C เท่ากับเท่าใด
ก. 2 Hosts
ข. 6 Hosts
ค.14 Hosts
ง. 30 Hosts
เฉลย ข การ Mask 5 bit ของ Class C = 11111111.11111111.11111111.11111000 นำเอา 0 ที่เหลือมายกกำลังจะได้ ด้วยเลขฐาน2 = 2^3-2 = 6 Host และรองรับได้ไม่เกิน 6 Host

24.จำนวน Subnet ของการ mask 4 bit ของ Class A เท่ากับเท่าใด
ก. 2 Subnets
ข. 6 Subnets
ค. 14 Subnets
ง. 30 Subnets
เฉลย ค คือ Mask 4 bit ของ Class A = 11111111.11110000.00000000.00000000 นำ 4 bit มายกกำลังด้วยเลขฐาน2 = 2^4 – 2 = 14

25.จำนวน Subnet ของการ mask 6 bit ของ Class B เท่ากับเท่าใด
ก.14 Subnets
ข.30 Subnets
ค.62 Subnets
ง.126 Subnets
เฉลย ค คือ Mask 6 bit ของ Class B = 11111111.11111111.11111100.00000000 นำ 6 bit มายกกำลังด้วยเลขฐาน2 = 2^6 – 2 = 62

26.จำนวน Host ที่เชื่อมต่อได้สูงสุดของ 255.255.255.224
ก. 28 Hosts
ข.32 Hosts
ค.30 Hosts
ง. 62 Hosts
เฉลย ค 255.255.255.224 = 11111111.11111111.11111111.11100000 นำเอา 0 ที่เหลือมายกกำลัง ด้วยเลขฐาน2 = 2^5-2 = 30 Host และรองรับได้ไม่เกิน 30 Host

27.จำนวน Host ที่เชื่อมต่อได้สูงสุดของ 255.255.255.192
ก.28 Hosts
ข.32 Hosts
ค.30 Hosts
ง.62 Hosts
เฉลย ง คือ 255.255.255.192 = 11111111.11111111.11111111.11000000 นำเอา 0 ที่เหลือมายกกำลัง ด้วยเลขฐาน2 = 2^6-2 = 62 Host และรองรับได้ไม่เกิน 62 Host

28.จำนวน Host ที่เชื่อมต่อได้สูงสุดของ 255.255.255.240
ก. 4049 Hosts
ข. 512 Hosts
ค.1024 Hosts
ง.128 Hosts
เฉลย ก คือ

29.ต้องการใช้ Subnet จำนวน 29 Subnet จะยืม (mask) จาก คลาส A เท่าไหร่
ก.3
ข.4
ค.5
ง.6
เฉลย ค Mask 5 bit ของ Class A = 11111111.11111000.00000000.00000000 นำ 5 bit มายกกำลังด้วยเลขฐาน2 = 2^5 – 2 = 30 ซึ่งใกล้เคียงกว่า

30.จากข้อที่ 29 Subnet mask ที่แสดงคือ
ก.255.192.0.0
ข.255.255.255.248
ค.255.255.248.0
ง.255.248.0.0
เฉลย ง Mask 5 bit ของ Class A = 11111111.11111000.00000000.00000000 = 128+64+32+16+8+4+2+1.128+64+32+16+8 = 255.248.0.0

31.ข้อใดไม่ใช่ Subnetwork ID สำหรับเครื่องที่ใช้ IP Address หมายเลข 200.10.68/28
ก.200.10.5.56
ข.200.10.5.32
ค.200.10.5.64
ง.200.10.5.0
เฉลย ก.200.10.5.56
subnet id > ip > network id
.0 >> ip >> .15 .16 >> ip >> .31 .32 >> ip >> .47 .48 >> ip >> .63 .64 >> ip >> .79


32.ข้อใดคือ Network Address ของหมายเลข 172.16.0.0/19
ก.8 Subnet; 2,046 Hosts
ข.8 Subnet; 8,192 Hosts
ค.7 Subnet; 30 Hosts
ง.7 Subnet; 62 Hosts
เฉลย ข. 2^13 = 8192

33.ข้อใดคือ Subnet ของ IP Address หมายเลข 172.16.210.0/22
ก.172.16.208.0
ข.172.16.254.0
ค.172.16.107.0
ง.172.16.254.192
เฉลย

34.ข้อใดคือ Subnet ของ IP Address 201.100.5.68/28
ก.201.100.5.31
ข.201.100.5.64
ค.201.100.5.65
ง.201.100.51
เฉลย ข. 201.100.5.64
subnet id > ip > network id
.0 >> ip >> .15
.16 >> ip >> .31
.32 >> ip >> .47
.48 >> ip >> .63
.64 >> ip >> .79

35.ข้อใดคือ Subnet ของ IP Address 172.16.112.1/25
ก.172.16.112.0
ข.172.16.0.0
ค.172.16.96.0
ง.172.16.255.0
เฉลย ก.172.16.112.0

การกำหนด IP Address 192.168.1.1/28 จงคำนวณหา Subnetwork ID IP Usage และBroadcast แล้วตอบคำถาม

36.หมายเลขใดไม่สามารถใช้ได้
ก.192.168.1.13
ข.192.168.1.226
ค.192.168.1.31
ง.192.168.1.253
เฉลย ค.192.168.1.31

37.หมายเลขใดเป็น subnetwork ID ของ Subnet ที่ 00001000
ก.192.168.1.13
ข.192.168.1.16
ค.192.168.1.31
ง.192.168.1.32
เฉลย ง.192.168.1.32

38.หมายเลขใดเป็น Broadcast ID ของ Subnet ที่ 000010000
ก.192.168.1.13
ข.192.168.1.226
ค.192.168.1.31
ง.192.168.1.253
เฉลย ค.192.168.1.31

39.หมายเลขใดเป็น subnetwork ID ของ Subnet ที่ 001100000
ก.192.168.1.63
ข.192.168.1.45
ค.192.168.1.48
ง.192.168.1.111
เฉลย ค.192.168.1.48



กำหนด IP Address 192.168.1.1/28 จงคำนวณหา Sub Network ID , IP Usage และBroadcast แล้วตอบคำถาม
จาก /28
11111111.11111111.11111111.11110000
Subnet = 8
Hosts = 14 ( 2 ^4 = 16 -2 = 14 Hosts )

Net ID IP Usage Broadcast ID
0 1-14 15
16 17-30 31
32 33-46 47
48 49 -62 63
64 63-78 79
80 81-94 95
96 97 - 110 111

ตารางที่ 1 แสดงการหาค่า Sub Network ID , IP Usage และ Broadcast ID ของ /28

40.หมายเลขใดเป็น Broadcast ID ของ Subnet ที่ 001100000
ก.192.168.1.63
ข.192.168.1.45
ค.192.168.1.48
ง.192.168.1.100
เฉลย ก. 192.168.1.63 อธิบาย
(อ้างอิงจากตารางที่ 1)

41.หมายเลขใดเป็น Broadcast ID ของ Subnet ที่ 001100000
ก.192.168.1.50
ข.192.168.1.96
ค.192.168.1.81
ง.192.168.1.10
เฉลย ก. 192.168.1.50อธิบาย
(อ้างอิงจากตารางที่ 1)

กำหนด IP Address 192.168.1.1/27 จงคำนวณหา Subnetwork ID , IP Usage และBroadcast แล้วตอบคำถาม
จาก /27
255.255.255.224
Subnet = 6
Hosts = 30 ( 2 ^5 = 30 Hosts )

Net ID IP Usage Broadcast ID
0 1-30 31
32 33-62 63
64 65-94 95
96 97-126 127
128 129-158 159
160 161-190 191
192 193-223 223
224 225-254 255

ตารางที่ 2 แสดงการหาค่า Sub Network ID , IP Usage และ Broadcast ID ของ /27

42.ข้อใดไม่เข้าพวก
ก.192.168.1.1
ข.192.168.1.95
ค.192.168.33
ง.192.168.1.124
เฉลย ข . 192.168.1.95 อธิบาย
เพราะ ข้อ ก, ค , ง เป็น IP Usage แต่ ข้อ ข. เป็น Broadcast ID ซึ่งแตกต่างจากกลุ่ม
(อ้างอิงจากตารางที่ 2)

43.ข้อใดไม่เข้าพวก
ก.192.168.1.0
ข.192.168.1.96
ค.192.168.32
ง.192.168.1.159
เฉลย ง. 192.168.1.159 อธิบาย
เพราะข้อ ก ,ข ,ค เป็น Net ID แต่ข้อ ง. เป็น Broadcast ID ซึ่งแตกต่างจากกลุ่ม
(อ้างอิงจากตารางที่ 2)

44.หมายเลขใดไม่สามารถใช้ได้
ก.192.168.1.193
ข.192.168.1.161
ค.192.168.1.127
ง.192.168.1.60
เฉลย ค. 192.168.1.127 อธิบาย
เพราะ ข้อ ค. เป็น Broadcast ID

45.ข้อใดคือ IP Usage ของ Sub Network IP 192.168.1.96
ก.192.168.1.0 – 192.168.1.31
ข.192.168.1.65.192.168.1.94
ค.192.168.1.97- 192.168.1.126
ง.192.168.1.95- 192.168.1.127
เฉลย ค. 192.168.1.97- 192.168.1.126 (อ้างอิงจากตารางที่ 2)

จงใช้ภาพข้างล่างนี้ตอบคำถามข้อ 46-50
กำหนดให้ IP Private Network Class C 192.168.1.1

46. Net_D ควรใช้ / อะไร
ก./26
ข./27
ค./28
ง./29
เฉลย ข้อ ข. /27 อธิบาย
จากโจทย์ Net_D รองรับ 25 Hosts
/27 เขียน Suubnet mask ได้ 11111111.11111111.11111111.11100000
Host = 2^5 = 32 – 2 = 30 Host (ซึ่งใกล้เคียงและสามารถรองรับ Net_D ได้)

47. จาก Network ข้างต้น ใช้ Subnetwork อะไรจึงรองรับได้ทุก Network
ก. /26
ข./27
ค./28
ง./29
เฉลย ข้อ ก. /26 อธิบาย
จากโจทย์ Network รองรับได้สูงสุดที่ 50 Hosts
/26 เขียน Subnet mask ได้ 11111111.11111111.11111111.11000000
Host = 2^6 = 64 – 2 = 62 Host ( ซึ่งใกล้เคียงและสามารถรองรับ Network ได้ทั้งหมด)

48. Net_ C มี หมายเลข Subnet mask อะไร
ก.255.255.255.192
ข.255.255.255.254
ค.255.255.255.248
ง.255.255.255.252
เฉลย ข้อ ง.255.255.255.252 อธิบาย
จากโจทย์ Net_ C รองรับได้ 2 Hosts
Subnet mask 255.255.255.252 หรือ 11111111.11111111.11111111.11111100
Host = 2^2 = 4 – 2 = 2 Host ( ซึ่งสามารถรองรับ Net_C ได้)

49. Net_ B มีหมายเลข Subnet mask อะไร
ก.255.255.255.192
ข.255.255.255.254
ค.255.255.255.248
ง.255.255.255.252
เฉลย ข้อ ก.255.255.255.192 อธิบาย
จากโจทย์ Net_B รองรับได้ 50 Hosts
Subnet mask 255.255.255.192 หรือ 11111111.11111111.11111111.11000000
Host = 2^6 = 64 – 2 = 62 Host (ซึ่งใกล้เคียงและสามารถรองรับ Net_B ได้)

50.หากใช้ /26 หมายเลข Sub Network IP ของ Network สุดท้ายคือ
ก.192.168.1.128
ข.192.168.1.192
ค.192.168.1.191
ง.192.168.1.255
เฉลย ข.192.168.1.192

51.จากภาพด้านบนเกิดการใช้คำสั่งใด
ก. Arp-a
ข.Net stat
ค.NSlookup
ง.tracert
เฉลย netstat

52จากภาพด้านบนเกิดหารใช้คำสั่งใด

ก. Arp-a
ข. Net stat
ค. NSlookup
ง. Ipconfig/all
เฉลย Arp –a
ที่มา http://dbsql.sura.ac.th/know/nt/chap8.htm

53.จากภาพด้านบนเกิดหารใช้คำสั่งใด
ก. .tracert-a
ข. Net stat
ค. NSlookup
ง. Ipconfig/all
เฉลย nslookup
ที่มา http://monetz.myfri3nd.com/blog/2008/05/07/entry-7

54.การใช้คำสั่งตรวจสอบดู Computer Name คือ
ก. ipconfig
ข.nslookup
ค.hostname
ง.tracert
เฉลย hostname
ที่มา http://www.geocities.com/naphasoan/do9.html

55.การใช้คำสั่งตรวจสอบดู IP และ subnet mask คือ
ก.ipconfig
ข.nslookup
ค.hostname
ง.tracert
เฉลย ipconfig
ที่มา http://www.siamfocus.com/content.php?slide=14&content=37

56.การตรวจสอบการเชื่อมต่อระหว่างต้นทางกับปลายทางคือ
ก.ipconfig
ข.nslookup
ค.hostname
ง.tracert
เฉลย tracert
ที่มา http://optimalcom.blogspot.com/2009/06/dos-network.html

57.Destination Host Unreachable หมายความว่า
ก.ติดตั้งIP ที่ Host ไม่ถูกต้อง
ข.ติดตั้ง Card LAN ไม่ถูกต้อง
ค.Host ไม่ถูกเชื่อมต่อกับเครื่อง PING
ง. Host ไม่ถูกเชื่อมต่อกับระบบ
เฉลย ติดตั้ง ip ไม่ตถูกต้อง
ที่มา http://www.thaiadmin.org/board/index.php?topic=48733.0

58. Tracert คือ
ก.การหาเส้นทางการเชื่อมต่อจากต้นทางไปปลายทาง
ข.การหาเส้นทางการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์
ค.การตรวจสอบระบบสถานะของระบบเครือข่าย
ง.ตรวจสอบความผิดพลาดของ Packet
เฉลย ก.
ที่มา http://optimalcom.blogspot.com/2009/06/dos-network.html


59. การเข้าหน้า cmd ทำอย่างไรในครั้งแรก
ก.Start>run>cmd
ข.start>run>command
ค.start>allprogram>accessories>command prompt
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ง

60.ARP (Address Resolution Protocol)หรือหมายเลข LAN card มีกี่ ไบต์
ก.6 Byte
ข.16 Byte
ค.8 Byte
ง.32 Byte
เฉลย ก